7 เครื่องครัวใช้เสร็จควรรีบล้าง ก่อนคราบสกปรกติดค้าง ทำให้รสชาติอาหารเปลี่ยนไป

         ถ้าอยากรู้ว่าทำไมรสชาติอาหารไม่เหมือนเดิม อาจไม่ได้ใส่เครื่องปรุงผิด แต่เป็นเพราะการปล่อยให้ของใช้ในครัวเหล่านี้มีเศษอาหารหรือคราบสกปรกตกค้างอยู่ แล้วล้างไม่สะอาด



          รสชาติอาหารไม่ได้ขึ้นอยู่กับฝีมือในการปรุงเพียงอย่างเดียว เพราะเกี่ยวข้องกับการทำความสะอาดอุปกรณ์ทำอาหาร เครื่องครัว และเหล่าภาชนะที่นำมาใส่อาหารด้วยเช่นกัน หากล้างไม่สะอาด ปล่อยให้มีเศษอาหาร คราบสกปรก หรือน้ำยาเคมีตกค้าง ก็ทำให้รสชาติของอาหารเปลี่ยนไปเหมือนกัน แถมบางครั้งอาจจะมีกลิ่นแปลก ๆ ตามมาด้วย เอาเป็นว่าไปดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้างที่ถึงเวลาทำความสะอาดอย่างจริงจังซะที



1. ตะแกรงปิ้งย่าง
          ควรล้างตะแกรงให้สะอาดทุกครั้งหลังใช้งาน อย่าให้มีเศษอาหารที่ไหม้เกรียมติดอยู่เลยเชียว เพราะไม่อย่างนั้นก็จะมีสิ่งสกปรกหรือคราบดำ ๆ ติดไปกับของสดที่นำมาปิ้ง-ย่างในครั้งต่อไปและทำให้รสชาติอาหารเพี้ยนตามไปด้วย แถมยังเป็นอันตรายต่อสุขภาพอีกต่างหาก ส่วนวิธีขัดก็ไม่ยากเพียงผสมเบกกิ้งโซดากับน้ำเปล่าแล้วคนให้กลายเป็นเนื้อสครับเข้มข้น พอกตะแกรงทิ้งไว้ 1 คืน แล้วค่อยนำไปทำความสะอาด

2. เตาอบ
          ไม่ควรให้มีคราบสกปรกค้างในเตาอบนานเกิน 1 วัน เพราะถ้าหากปล่อยไว้นานแถมยังฝืนใช้เตาอบอาหารต่อไป คราบสกปรกที่ยังติดอยู่ก็จะเริ่มไหม้และฝังแน่นจนขัดออกยาก ที่สำคัญยังทำให้อาหารที่เพิ่งอบเสร็จมีกลิ่นกับรสชาติที่แปลกไปจากที่ควรจะเป็นด้วย ส่วนวิธีทำความสะอาดก็ง่ายนิดเดียว เริ่มจากผสมเบกกิ้งโซดา 2 ส่วน กับน้ำ 1 ส่วน คนให้เข้ากัน แล้วนำไปป้ายทิ้งไว้บนคราบประมาณ 5-6 นาที จากนั้นใช้ฟองน้ำชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดเตาอบให้ทั่ว



3. กล่องพลาสติกใส่อาหาร
          แม้ภาพรวมจะดูสะอาดแต่ก็ควรทำความสะอาดกล่องพลาสติก หลังใช้งานทุกครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้มีคราบสกปรกและกลิ่นเหม็นตกค้าง ด้วยวิธีทำความสะอาดดังนี้

          - วิธีกำจัดกลิ่น : ผสมเบกกิ้งโซดา 4 ช้อนชา กับน้ำอุ่นปริมาณ ¼ แกลลอนในกะละมัง แล้วนำกล่องพลาสติกมาแช่ไว้อย่างน้อย 30 นาที ก่อนนำไปทำความสะอาดตามปกติ

          - วิธีกำจัดคราบ : ผสมคลอรีนเหลว 1 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำอุ่น 1 ถ้วยตวง แล้วเทลงในกล่องพลาสติก และนำส่วนผสมเดียวกันนี้เทลงบนฝาปิดจนปริ่ม จากนั้นก็ทิ้งไว้ 30 นาที ค่อยล้างออกด้วยน้ำสบู่และน้ำร้อน แล้วใช้ผ้าแห้งเช็ดตาม

4. จาน ชาม ช้อน-ส้อม
         นอกจากจะต้องระมัดระวังปริมาณการใช้น้ำยาล้างจานให้พอดีกับปริมาณภาชนะที่นำไปล้างแล้ว ก็ควรล้างจาน ชาม ช้อน-ส้อม และภาชนะอื่น ๆ ด้วยน้ำเปล่าจนมั่นใจว่าสะอาดจริง ๆ ก่อนนำไปคว่ำบนชั้นวางก็สังเกตดูสักนิดว่า ยังมีกลิ่น คราบ หรือสิ่งสกปรกติดค้างอยู่หรือเปล่า สำหรับคราบหนักควรแช่ทิ้งไว้ในน้ำผสมน้ำยาล้างจานสักพักก่อนนำมาล้าง ก็จะช่วยให้ขัดคราบออกได้ง่ายขึ้น



5. เขียง
          ไม่ว่าจะเป็นเขียงไม้หรือเขียงพลาสติกควรขัดให้สะอาดหลังใช้งาน โดยใช้เกลือหรือเบกกิ้งโซดาโรยบนเขียง จากนั้นนำมะนาวผ่าครึ่งขัดให้ทั่ว แล้วราดน้ำร้อน ก่อนล้างด้วยน้ำสบู่และวางตากไว้ให้แห้งสนิทก่อนหยิบกลับมาใช้งานต่อ วิธีนี้นอกจากจะช่วยกำจัดกลิ่นเหม็นได้แล้วเนี่ย ยังช่วยฆ่าเชื้อโรคอีกด้วยนะคะ

6. ตู้เย็น
          อย่างน้อยควรทำความสะอาดตู้เย็น 3 เดือนต่อครั้ง โดยถอดชั้นวางมาเช็ดด้วยผ้าชุบน้ำส้มสายชูหรือน้ำมะนาว จากนั้นเทเบกกิ้งโซดาใส่กล่องพลาสติก แล้วนำไปวางไว้ในช่องฟรีซโดยไม่ต้องปิดฝา เพื่อดูดซับกลิ่นเหม็นให้หมดไป

7. เครื่องปั่น
          การทำความสะอาดเครื่องปั่นโดยการใช้ฟองน้ำถูไปบนโถปั่นอย่างเดียวไม่พอ แต่ควรถอดใบมีดในเครื่องออกมาล้างต่างหากด้วยอีกครั้ง แล้วเน้นขัดตามซอกเล็ก ๆ จนกระทั่งสะอาด ไม่มีเศษอาหารตกค้างอยู่ หากไม่สามารถถอดใบมีดออกมาได้ อาจจะใช้วิธีนี้แทน เริ่มจากใส่น้ำสะอาดลงไปในเครื่องปั่นเล็กน้อย บีบน้ำยาล้างจาน 2-3 หยดตามลงไป จากนั้นก็เปิดเครื่องปั่นส่วนผสมประมาณ 20 วินาที ก่อนจะนำไปล้างตามปกติ

          เห็นไหมล่ะว่าการทำความสะอาดเครื่องครัวของใช้นั้น ก็มีผลต่อรสชาติอาหารเหมือนกัน หลังจากทำความสะอาดด้วยวิธีการที่ถูกต้องแล้ว รับรองว่าช่วยให้อาหารอร่อยและไม่มีกลิ่นแปลก ๆ ตามมาแน่นอน

ขอขอบคุณข้อมูลจาก goodhousekeeping, domain