10. น้ำและไฟในสวน น้ำเป็นสิ่งที่เสริมสร้างความรื่นรมย์แก่ผู้ใช้เป็นอย่างมาก เสียงหรือแสงระยิบระยับของน้ำยามต้องแสงแดด หรือเงาที่สะท้อนตามพื้นน้ำจะช่วยให้สวนมีชีวิตชีวามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสระน้ำ น้ำพุ หรือน้ำตก ถ้าไม่ใหญ่โตเกินไปนัก เจ้าของบ้านสามารถทำขึ้นเองได้ โดยใช้ปั้มขนาดเล็กวางไว้ก้นสระ หรือที่เรียกกันว่า Submersible Water Pump (ไดโว่) ซึ่งจะดูดน้ำเข้าผ่านระบบกรองในตัว จากนั้นน้ำจะถูกปั้มผ่านท่อยางไปยังหัวน้ำพุ หรือไปยังน้ำตกที่เตรียมไว้ หัวน้ำพุนี้สามารถถอดเปลี่ยนเป็นแบบต่าง ๆ ได้ตามความต้องการส่วนน้ำตก ถ้าเจ้าของบ้านมีมุมเล็ก ๆ และต้องการที่จะทำเองน้ำก็ทำได้ไม่ยาก โดยการหาซื้อน้ำตกสำเร็จรูปมาจัดได้เลย ซึ่งมีให้เลือกหลายขนาด หลายชนิด หาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์จัดสวนทั่วไปเช่น ตลาดนัดสวนจตุจักร และตลาดย่านพหลฯ หลักการของน้ำตกคือ ใช้ระบบน้ำล้น
สำหรับการก่อน้ำตกที่มีขนาดใหญ่ และมีโครงสร้างที่ซับซ้อนมาก ๆ ควรเรียกผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้มาช่วยโดยเฉพาะ
การติดตั้งไฟในสวนนั้น เป็นการยืดเวลาการใช้สวนให้ยาวนานออกไปอีก คือสามารถใช้สวนในตอนกลางคืนได้ และเพื่อความสวยงามของต้นไม้ในสวนด้วย โดยเฉพาะการส่องไฟขึ้นจากโดนของต้นไม้เพื่อเน้นรูปทรงของกิ่งก้านสาขา หรือการส่องไฟจากด้านข้าง ทำให้เกิดมิติใหม่ของสีสัน และรูปทรงของสวน ความสำเร็จของการจัดไฟในสวนนั้น จะต้องจัดแสงอย่างตรงไปตรงมา เน้นสิ่งที่ต้องการจะเน้น ไฟที่ติดในสวนส่วนมากนิยมติดตามบริเวณ กลุ่มหิน สวนหย่อม น้ำตกสระน้ำ และบริเวณโต๊ะเก้าอี้ในสวน
11. ศาลา (Gazebo) เป็นองค์ประกอบที่น่าสนใจเพราะให้ร่มเงา และผู้ใช้สามารถนั่งพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติได้ ส่วนมากนิยมสร้างด้วยไม้ เพราะให้ความอ่อนนุ่มกับสวนมากกว่าวัสดุอย่างอื่น ควรใช้ไม้แดง หรือไม้เต็งซึ่งเหมาะสำหรับกลางแจ้ง หรืออาจทำด้วยไม้ระแนงแล้วอาศัยไม้เถาเลื้อยปกคลุมแทนหลังคากระเบื้อง
ส่วนรูปแบบของศาลานั้นมีให้เลือกมากมายหลายแบบ ตั้งแต่ศาลาคนยากมีเสากลางเสาเดียว หลังคามุงจาก หรือที่เรียกกันว่าดอกเห็ด ซึ่งเหมาะกับสวนบ้านไร่ ส่วนศาลามุงกระเบื้องหรือหลังคาไม้ระแนงที่อาศัยเถาไม้เลื้อยปกคลุมนั้น นิยมใช้กับบ้านทั่ว ๆ ไป และศาลาโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กมุงกระเบื้องซีแพคโมเนียนั้นเหมาะกับบ้านที่มีบริเวณพื้นที่ในการจัดสวนกว้างใหญ่ เพราะโครงสร้างของศาลาแบบนี้จะดูเทอะทะสำหรับบ้านทั่ว ๆ ไปยังคงนิยมศาลาไม้เป็นส่วนมาก เพราะดูเบาและอ่อนนุ่มกว่าคอนกรีตเสริมเหล็ก
สิ่งสุดท้ายที่มีความสำคัญมากในการจัดสวนในบ้านคือ การดูแลรักษาซึ่งจะมีวิธีการดูแลรักษาได้ดังนี้
1. การตัดแต่ง (Pruning) เป็นวิธีการช่วยปรับปรุงโครงสร้างของต้นไม้ให้ดูสวยงามยิ่งขึ้น ทำให้ลำต้นแข็งแรงตั้งตรง อาจจะตัดแต่งเป็นรูปร่างต่าง ๆ เช่น ตัดเป็นรูปฉัตร เป็นรูปสี่เหลี่ยม ฯลฯ นอกจากนี้ยังเป็นการกำจัดกิ่งที่เป็นโรค หรือกิ่งที่เหี่ยวแห้งและเป็นการบังคับให้ออกดอก ออกใบ และออกผลไปในตัวด้วย การตัดแต่งควรทำในช่วงฤดูแล้งขณะที่พืชเข้าสู่การพักตัว เมื่อได้น้ำและอาหารในฤดูฝน กิ่งก้านใบใหม่จะแตกออกมา ทำให้ต้นไม้สดชื่นขึ้นได้ในไม่ช้า
2. การใช้ปุ๋ยและยาฆ่าแมลง การใช้ปุ๋ยเป็นวิธีการบำรุงดินให้มีคุณสมบัติตามกายภาพ คือมีความร่วนซุย สามารถระบายอากาศและน้ำได้ดีมีความอุดมสมบูรณ์คือมีธาตุอาหารที่พืชต้องการและสามารถดูดซึมอาหารไปใช้ได้ ปุ๋ยจะมีอยู่สองชนิดคือ ปุ๋ยอินทรีย์ซึ่งได้แก่ ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ใส่เพื่อเป็นตัวปรับปรุงสภาพดิน และเป็นแหล่งแร่ธาตุอาหารที่สลายตัวอย่างช้า ๆ ในดิน ส่วนปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยวิทยาศาสตร์นั้นให้ธาตุอาหารหลักโดยตรง อันได้แก่ N-P-K (ไนโตรเจน-ฟอสฟอรัส/โปแตสเซียม) ซึ่งมีขายตามท้องตลาดโดยแสดงเป็นตัวเลข 3 ตัวเรียงกัน เช่น 16-16-16 หรือที่เรียกกันว่าสูตรปุ๋ยเสมอ สูตรที่มี N สูง ใช้เร่งความเจริญเติบโตของลำต้นและใบ สูตร P สูง ใช้เร่งการออกดอก สูตร K สูง ใช้เร่งการออกผล
ดังนั้น การเลือกใช้ปุ๋ยก็ควรเลือกให้เหมาะกับต้นไม้ที่ปลูก ส่วนยาฆ่าแมลง ใช้ป้องกันและกำจัดโรคแมลงศัตรูพืช ควรเลือกใช้ยาตามชนิดศัตรูพืช ก่อนใช้ควรอ่านฉลากยาให้เข้าใจและปฏิบัติตามอย่างระมัดระวัง เมื่อท่านทำความเข้าใจโครงสร้างต่าง ๆ ที่ประกอบกันขึ้นเป็นสวนแล้ว ก่อนที่ท่านจะเริ่มตัดสินใจว่าจะใช้วิธีใดถึงจะเหมาะกับสวนในบ้านของท่าน จะทำเองทีละขั้น หรืออาศัยผู้ชำนาญมาดูแลให้ ท่านก็ควรจะตัดสินใจวางแนวทางได้แล้วว่า จะจัดสวนอย่างไรดี โอกาสผิดพลาดย่อมลดน้อยลง และท่านก็จะได้สวนตามใจชอบของทุก ๆ คนภายในบ้าน
16/7/2002
ระเบียง / สวน