วัสดุอุปกรณ์ในการตกแต่งสวนที่จำเป็น
1. การเตรียมพื้นที่ คือจะต้องทำบริเวณพื้นที่ที่จะจัดสวนให้เรียบโล่ง เหลือไว้แต่สิ่งที่เราจะใช้ประโยชน์ได้ในภายหลัง เช่นต้นไม้ใหญ่ ๆ หิน เนินที่มีอยู่เดิม การปรับพื้นดินทำโดยการรดน้ำจนเปียก แล้วจึงใช้ลูกกลิ้งบดให้เรียบ ถ้าบริเวณใดยุบเป็นบ่อให้เติมดินลงไประดับโดยรวมควรลาดเอียงไปยังทางท่อระบายน้ำ และลาดเอียงออกจากตัวบ้าน เก็บเศษวัสดุ ก้อนหิน หญ้า และวัชพืช ที่ไม่ต้องการทิ้งให้หมด
วาดแปลนที่ต้องการลงบนพื้นที่ โดยใช้ปูนขาวโรยเป็นกำหนดจุดแนวสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ เช่น ลานพักผ่อน ทางเท้า ถนนเข้าบ้าน เป็นต้น กำหนดจุดที่จะปลูกต้นไม้ใหญ่ขอบเขตของแปลงที่จะปลูกไม้พุ่มและไม้คลุมดิน
การปลูกไม้ต้นใหญ่นั้นควรจะขุดหลุมให้มีขนาดใหญ่กว่าตุ้มดินที่หุ้มรากต้นไม้ไว้โดยรอบอีก 10 ซม. และลึกกว่าขนาดตุ้มดินอีก 10-15 ซม. โรยปุ๋ยสูตรเสมอ (16-16-16) รองก้นหลุมดินที่ขุดขึ้นจากหลุมให้แยกดินส่วนบน และส่วนก้นหลุมไว้ จากนั้นก็เอาดินส่วนบนมาสับพรวนจนเป็นก้อนเล็ก ๆ แล้วเอามาคลุกผสมกับดินที่ซื้อมาจากท้องตลาดในอัตราส่วน ดินบน:ดินผสม = 1:1 ใส่กลับลงไปในหลุมเป็นดินปลูก รดน้ำตามให้ชุ่ม ดินจะยุบตัวลง เติมดินปลูกและรดน้ำจนดินไม่ยุบตัวอีก ถ้าต้นไม้ที่ปลูกใหม่นั้นสูงมากหรือไม่สามารถตั้งตัวให้ตรงได้ให้ใช้ไม้ค้ำ ซึ่งอาจจะเป็นไม้ไผ่หรือไม้สนก็ได้ ส่วนการเตรียมพื้นที่ที่จะปลูกไม้พุ่ม และไม้คลุมดินนั้น ก็คล้ายคลึงกันกับการปลูกไม้ต้นใหญ่ แต่ขนาดหลุมจะตื้นกว่า
2. ต้นไม้ ต้นไม้ที่ใช้ในการตกแต่งสวนนั้นแบ่งออกเป็น
2.1 ไม้ต้น (Trees) เป็นไม้เนื้อแข็ง ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของลำต้นใหญ่กว่าไม้พุ่ม ไม่ต้องอาศัยพาดพิงต้นไม้หรือวัสดุอื่นเพื่อดำรงตัว มีความสูงเกิน 6 เมตร มีอายุได้นานปี เช่น ตะแบก อินทนิน จามจุรี ราชพฤกษ์ ฯลฯ ซึ่งไม้ต้นเหล่านี้ สามารถใช้เป็นฉากหลัง ให้ร่มเงา หรือเป็นแนวรั้วกันลม ฯลฯ
2.2 ไม้พุ่ม (Shrubs) เป็นไม้เนื้อแข็งลำตัวตั้งตรง เป็นอิสระได้ไม่ต้องอาศัยต้นไม้ หรือวัสดุอื่นพาดพิง มีอายุได้นานหลายปี มีความสูงไม่มากนักการแตกกิ่งก้านมักจะไม่สูงจากพื้นดิน เช่น ชบา เข็ม ยี่เข่ง ยี่โถ ฯลฯ มักจะปลูกระดับแปลง จัดเล่นลายโดยใช้สี ปลูกเป็นรั้วกั้น หรือบังตา และมักจะปลูกตามขอบทาง
2.3 พืชคลุมดิน (Ground Covers) คือพืชที่มีต้นเตี้ย สูงไม่เกิน 30 ซม. และมักจะปลูกเป็นกลุ่มก้อนติด ๆ กัน มีทั้งลำต้นตรงและลำต้นเตี้ย มีทั้งเป็นไม้เนื้ออ่อนอายุข้ามปี และเป็นพวกไม้ล้มลุกเช่น ผักเป็ดเขียว บานเช้า บานเย็น บัวสวรรค์ พลูด่าง เป็นต้น ใช้ปลูกประดับขอบแปลง จัดเล่นลายใช้สีหรือปลูกเป็นแปลงคลุมพื้นที่แทนหญ้า
2.4 หญ้า (Grass) เป็นพืชคลุมดินเพื่อป้องกันการพังทลายของหน้าดิน มีความสวยงาม และสามารถเหยียบย่ำได้ หญ้าที่ปลูกตามบ้านทั่ว ๆ ไปมีอยู่ 2 ชนิดคือ
2.4.1. หญ้านวลน้อย (Zoysia Matrella) เจริญเติบโตได้ดีในเขตร้อน ชอบแดดจัด ทนการเหยียบย่ำได้ค่อนข้างสูง ปลูกได้ทั่วไป แต่ต้องการดินที่มีความอุดมสมบูรณ์พอควร ระบายน้ำได้ดี ไม่ชอบน้ำขังแฉะการตัดควรตัดให้สูง 0.5-1 นิ้ว ควรตัดบ่อย ๆ และตัดให้ต่ำ เพื่อป้องกันการเจริญเติบโตเป็นกระจุก และควรจะใส่ปุ๋ยไนโตรเจน (N) สูงทุกเดือน
2.4.2. หญ้ามาเลเซีย (Axonopus Compressus) เป็นหญ้าใบกว้าง ใบสีเขียวอ่อน ทนร่มได้ดี ไม่ควรปลูกกลางแดดเพราะรากสั้นทำให้เหี่ยวแห้งเร็ว ทนน้ำขังแฉะได้ชั่วคราว ทนการเหยียบย่ำได้น้อยกว่าหญ้านวลน้อย เวลาตัดควรตัดให้สูง 1-2 นิ้ว หญ้ามาเลเซียนี้ควรจะปลูกในที่ร่ม และกับบ้านที่เจ้าของบ้านไม่มีเวลาในการดูแลรักษา ควรใส่ปุ๋ยที่มี N-P-K ในอัตราส่วน 3-1-2 ต่อเดือน
3. วัสดุปูพื้น วัสดุปูพื้นของสวนในบ้านหมายถึง ส่วนใช้งานที่ต้องการผิวพื้นที่ไม่ใช่สนามหญ้าเพื่อทนการเหยียบย่ำ ซึ่งแบ่งออกได้ดังนี้
3.1 วัสดุปูพื้นแบบแข็ง (Rigid) ใช้ปูในบริเวณพื้นที่ที่มีการใช้งานสูง โดยพื้นส่วนล่างจะเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กรองรับวัสดุปูพื้นอื่น ๆ เช่น อิฐ กระเบื้อง เซรามิค หิน วัสดุปูพื้นแบบนี้น้ำจะไม่สามารถซึมผ่านลงไปได้ อัตราการไหลของน้ำบนผิวหน้าจะสูง เพราะฉะนั้น ในขณะที่ปูพื้นแบบนี้ จะต้องคำนึงถึงการระบายน้ำเป็นสำคัญ ควรให้มีความลาดเอียงออกจากบ้าน การปูพื้นด้วยวัสดุแบบแข็งนี้เหมาะกับบริเวณลานนั่งเล่น ลานจอดรถทางเดินที่ต้องการความถาวร
3.2 วัสดุปูพื้นแบบมีความยืดหยุ่น (Flexible) พื้นฐานส่วนลางใช้ทรายหรือปูนทรายบดอัดให้เรียบก่อน วัสดุที่ใช้ปูมีหลายชนิดเช่น บล็อกประดับพื้นรูปคดกริช รวงผึ้ง และอัฐศิลา ของปูนซิเมนต์ไทย อิฐมอญ และหินต่าง ๆ การปูแบบนี้น้ำจากพื้นผิวด้านบนสามารถซึมผ่านลงไปได้บ้าง และอัตราการไหลของน้ำบนผิวหน้าจะไม่สูงเท่ากับวัสดุพื้นแบบแข็ง การปูวัสดุปูพื้นแบบมีความยืดหยุ่นนี้สามารถทำเองได้ทันที การซ่อมแซมก็ทำได้ง่าย แต่ต้องระวังตอนอัดทราย ถ้าอัดไม่ดีจะยุบตัวได้ในภายหลัง การปูพื้นแบบนี้เหมาะกับบริเวณลานนั่งเล่น ลานจอดรถ ทางเดิน ส่วนสนามเด็กเล่นควรใช้ทรายทั้งหมดเพื่อความปลอดภัย
16/7/2002
ระเบียง / สวน