รูปทรงของหลังคาที่เรานิยมกันแต่โบราณ คือ จั่วและมีเกร็ดระบายอากาศด้านสกัด นับเป็นรูปทรงหนึ่งที่ยังคงสามารถใช้ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้หลังคาทรงปั้นหยาซึ่งมีชายคายื่นโดยรอบทั้งสี่ด้าน หากเราหาวิธีระบายอากาศในห้องใต้หลังคาได้ดีก็จะเป็นอีกรูปทรงหนึ่งที่ดีไม่แพ้แบบหลังคาจั่ว โดยนัยนี้จึงมีผู้คิดค้นการระบายอากาศขึ้นที่ฝ้าใต้หลังคาโดยลักษณะการตีเกล็ดไม้ใต้ชายคา ซึ่งให้ทั้งความสวยงามและการระบายความร้อนที่ดี แต่ก็ยังไม่เป็นที่จุใจเนื่องจากการระบายความร้อนเป็นไปอย่างช้าๆ
หลังคาอีกรูปทรงหนึ่ง ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาคือ "หลังคาทรงปั้นหยายกจั่ว" คือมีชายคายื่นโดยรอบทั้งสี่ด้านเป็นทรงปั้นหยา แต่ตอนบนมีลักษณะของหลังคาจั่วซ้อนอยู่และทำเป็นเกล็ดระบายอากาศทางด้านสกัด วิธีนี้ช่วยแก้ปัญหาของการระบาย อากาศสำหรับหลังคาทรงปั้นหยาไปได้มาก และอาจจะเรียกได้ว่าเป็นรูปทรงที่เหมาะกับสภาพภูมิอากาศบ้านเราเป็นอย่างมาก
บ้านเรือนในเขตร้อนแถบศูนย์สูตรอย่างบ้านเราก็เช่นกัน สไตล์ของหลังคาที่โดดเด่นและเป็นที่แพร่หลายในดินแดนแถบอุษาคเนย์ ได้แก่ "หลังคาทรงจั่ว" เพราะเป็นรูปทรงที่มีการป้องกันแดดและฝนได้ดี "หลังคาจั่ว" เปรียบเสมือนหลังคาดั้งเดิมของภูมิภาคในแถบที่มีอากาศร้อนศูนย์สูตร
ดูอย่างหลังคาบ้านทรงไทยของเรา ซึ่งมีความอ่อนช้อยงดงามสร้างด้วยไม้ ก็เป็นลักษณะหนึ่งของทรงจั่ว ปัจจุบันไม้มีราคาแพงและหายาก กอปรกับวิถีชีวิตของคนไทยเปลี่ยนแปลงไปตามกระแสโลกาภิวัฒน์ บ้านทรงไทยจึงเริ่มสูญหายไป และถูกทดแทนด้วยบ้านไทยร่วมสมัย ซึ่งสนองประโยชน์ใช้สอยของการดำเนินชีวิตของคนไทยในปัจจุบันผสานกับวัสดุและเทคโนโลยีใหม่ๆ ของการก่อสร้าง
ในสหัสวรรษใหม่นี้ แนวทางของบ้านไทยมิได้มีรูปร่างจำกัดอยู่เฉพาะทรงไทยอีกต่อไป แต่มีรูปทรงอย่างใหม่ที่ใช้วัสดุคงทนถาวร ไม่ทำลายสภาพแวดล้อม และมีการป้องกันความร้อนและความชื้นที่ดีด้วยการออกแบบที่เห็นคุณค่าของธรรมชาติที่เป็นผู้สร้างและก่อกำเนิดทุกชีวิต...
แหล่งที่มา homedd
30/7/2002
DIY&LIFE STYLE