|
|
|
s
i n c e
1 5
J u n 2 0 0 2 |
|
|
B U D D Y H O M E " คู่ หู คู่ บ้ า น
ส ว ย " |
|
ข่
า ว เ ศ ร ษ ฐ กิ จ / ว ง ก า ร ก่ อ ส ร้ า ง |
|
I
ข่าวทั้งหมด I |
|
27-11-2558
: |
SCGทุ่ม100ล้านรีแบรนด์ตราช้าง หัวหอกบุกตลาดอาเซียนทะลุโลก |
|
นายนิธิ ภัทรโชค ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่-ตลาดในประเทศ ธุรกิจ เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เปิดเผยว่า การเปลี่ยนชื่อแบรนด์จากตราช้างมาเป็น "เอสซีจี" นั้น เป็นยุทธศาสตร์ในการนำแบรนด์วัสดุก่อสร้างไทยบุกตลาดอาเซียน ซึ่งเอสซีจีมีนโยบายมุ่งเป็นผู้นำทางธุรกิจทั้งในไทย อาเซียน และตลาดโลกด้วย
ทั้งนี้ตราช้างเป็นหนึ่งในแบรนด์หลักของธุรกิจเอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคชาวไทยกว่า 100 ปี การก้าวสู่การแข่งขันระดับอาเซียนครั้งนี้ เอสซีจีได้ชูจุดแข็งทั้งในเรื่องคุณภาพและนวัตกรรมของวัสดุก่อสร้างในการทำตลาดทั่วอาเซียน ดังนั้นการเปลี่ยนชื่อครั้งนี้จึงเป็นการยกระดับแบรนด์ให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น
สำหรับการรุกตลาดอาเซียนนั้น ได้นำแบรนด์เอสซีจีเข้าแข่งขันอยู่แล้ว ได้แก่ อินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ กัมพูชา และเมียนมา ซึ่งแผนปีนี้จะเปลี่ยนชื่อแบรนด์ตราช้างในไทย และ สปป.ลาว และในปี 2559 จะเปลี่ยนชื่อแบรนด์ในกัมพูชา โดยต่อไปเมื่อมีการไปทำการตลาดในประเทศอื่น ๆ ก็จะใช้ชื่อแบรนด์เอสซีจีเท่านั้น
"กลยุทธ์ในการสร้างการรับรู้ถึงการเปลี่ยนชื่อแบรนด์สินค้า ได้ทุ่มงบประมาณกว่า 100 ล้านบาท เพื่อทำกิจกรรมการตลาดที่ครบวงจร เน้นสื่อสารถึงการเปลี่ยนการเรียกชื่อสินค้า และตอกย้ำความเป็นผู้นำนวัตกรรมวัสดุก่อสร้างคุณภาพระดับสากล โดยสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมาย ทั้งกลุ่มเจ้าของบ้าน สถาปนิก ช่าง ผู้รับเหมา ร้านค้าตัวแทนจำหน่าย และกลุ่มผู้บริโภคทั่วไป" นายนิธิกล่าวและว่า
สำหรับการเปลี่ยนชื่อครั้งนี้มั่นใจว่าจะไม่มีผลกระทบต่อกลุ่มเป้าหมายทางการตลาดในไทยอย่างแน่นอนเนื่องจากมีการสำรวจความคิดเห็นของกลุ่มเจ้าของบ้านสถาปนิกผู้รับเหมา ช่าง และกลุ่มดีลเลอร์พบว่า 99% ของผู้ให้ความเห็น รับรู้ว่าตราช้างและเอสซีจีเป็นแบรนด์เดียวกัน มีความเชื่อมโยงกันด้วยสัญลักษณ์ช้างเผือกในรูปหกเหลี่ยม อีกทั้งยังเชื่อว่าการเปลี่ยนแบรนด์ครั้งนี้ จะช่วยยกระดับทั้งด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีให้ดียิ่งขึ้น จากผลสำรวจนี้บริษัทจึงมั่นใจว่ากลุ่มผู้บริโภคจะให้การยอมรับและเชื่อมั่นในคุณภาพของสินค้าภายใต้แบรนด์เอสซีจีเป็นอย่างดี
|
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ 27-11-2558
|
|
|
|
|
|
|