|
|
|
s
i n c e
1 5
J u n 2 0 0 2 |
|
|
B U D D Y H O M E " คู่ หู คู่ บ้ า น
ส ว ย " |
|
ข่
า ว เ ศ ร ษ ฐ กิ จ / ว ง ก า ร ก่ อ ส ร้ า ง |
|
I
ข่าวทั้งหมด I |
|
24-04-2555
: |
ตลาดไม้ลามิเนตสะอื้น น้ำลดบ้านเก่าเมินซ่อม |
|
หลังผ่านวิกฤตน้ำท่วมมากว่า 1 ไตรมาส ภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้างและตกแต่งได้รับอานิสงส์จากการซ่อมแซมบ้าน ซื้อสินค้าใหม่เปลี่ยนทดแทนของเดิมที่เสียหาย แต่สำหรับสินค้า "พื้นไม้ลามิเนต" กลับพบว่าตลาดไม่ได้เติบโตหวือหวามากนัก
จากการ สำรวจตลาด ภาพรวมการใช้พื้นไม้ลามิเนตเพื่อทดแทนของเดิมไม่ได้เพิ่มขึ้น มาจาก 2 ปัจจัยคือ 1) ลูกค้าบางส่วนเปลี่ยนใช้กระเบื้องแทน และ 2) ชะลอการตัดสินใจซ่อมแซมบ้าน เพื่อรอดูสถานการณ์น้ำท่วมปีนี้
ขายปลีกแผ่ว-งานโครงการโต
"สุ รพล ชินเวชกิจมงคล" เอ็มดี "ไทย-เยอรมัน เดคคอร์" ผู้นำเข้าพื้นไม้ลามิเนตแบรนด์ "Kronotex" เกรดพรีเมี่ยมจากประเทศเยอรมนี ระบุว่า ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนการขายผ่านงานโครงการ 80% และค้าปลีก 20% หลังน้ำท่วมตลาดค้าปลีกถือว่าพอไปได้แต่ไม่ได้หวือหวา ขณะที่งานโครงการโดยเฉพาะกลุ่มคอนโดมิเนียมเริ่มฟื้นตัวแล้ว ผู้ประกอบการได้เร่งงานก่อสร้างที่ชะลอไปในช่วงน้ำท่วมและกลับมาสั่งสินค้า อีกครั้ง แต่กลุ่มโครงการบ้านจัดสรรชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด
สถานการณ์ 3 เดือนแรกถือว่าน่าพอใจ บริษัทมียอดขายเฉลี่ยเดือนละกว่า 10 ล้านบาท คิดเป็นปริมาณการขายเดือนละกว่า 20,000 ตารางเมตร และตั้งเป้าทั้งปีจะมียอดขายประมาณ 170 ล้านบาท หรือประมาณ 300,000 แสนตารางเมตร คิดเป็นอัตราเติบโต 15% ขณะที่แนวโน้มตลาดทั้งปีประเมินว่าจะเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 15% หรือมีมูลค่าตลาดรวม 1,150 ล้านบาท คิดเป็นความต้องการใช้กว่า 2 ล้านตารางเมตร
ชี้ลูกค้าหันปูกระเบื้อง
ด้าน "สมานชัย อธิพันธุ์อำไพ" ประธานกรรมการบริหาร "ลีโอวูด อินเตอร์เทรด" มีโรงงานผลิตพื้นไม้ลามิเนตใต้แบรนด์ "ลีโอฟลอร์" และอยู่ในวงการไม้ลามิเนตเกือบ 10 ปี ฉายภาพว่า สินค้าพื้นไม้ลามิเนต 3 เดือนแรกที่ผ่านมา ตลาดค้าปลีกถือว่าแผ่ว น้ำท่วมไม่ทำให้เกิดการซื้อเปลี่ยนทดแทนของเดิม เพราะมีลูกค้าเปลี่ยนมาปูกระเบื้อง
จากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น บริษัทหันมาเน้นตลาดโครงการมากขึ้น เพราะต้นปีที่ผ่านมามีคอนโดฯเปิดตัวจำนวนมาก และบางส่วนก่อสร้างใกล้แล้วเสร็จ เริ่มทยอยสั่งพื้นไม้ลามิเนตเตรียมปูพื้น ส่งผลให้ใน 3 เดือนแรกบริษัทมียอดขาย 80 ล้านบาท โตจากปีก่อน 25% มีออร์เดอร์รอจัดส่งให้ลูกค้าอยู่ในมืออีก 600,000 ตารางเมตร ส่งผลให้สัดส่วนการขายงานโครงการในปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 70% อีก 30% เป็นตลาดค้าปลีก อีกทั้งได้ออกสินค้านอกเหนือจากพื้นไม้ลามิเนตเพิ่มขึ้น เช่น ประตู วงกบ
หมดยุคทองไม้ลามิเนต
"คมวิทย์ บุญธำรงกิจ" เอ็มดี "ไพร์ซ ออฟวู้ด" มองว่า ตลาดพื้นไม้ลามิเนตหลังน้ำท่วมไม่เติบโตอย่างที่คิด ความต้องการใช้ทรงตัว อาจเป็นเพราะเจ้าของบ้านรอดูสถานการณ์น้ำท่วมปีนี้จึงชะลอการเปลี่ยนพื้นไม้ ไว้ก่อน อย่างไรก็ตามประเมินว่าน้ำท่วมปลายปีที่แล้วอาจจะเป็นผลลบกับสินค้าพื้นไม้ ลามิเนตด้วยซ้ำ
เพราะเจ้าของบ้านบางส่วนเปลี่ยนไปปูกระเบื้องแทน ทำให้ปีนี้บริษัทคงมีวอลุ่ม (ปริมาณ) การขายพื้นไม้ลามิเนตทั้งปีไม่ถึง 200,000 ตารางเมตร การปรับตัวของบริษัทจึงหันไปเติบโตจากสินค้าในกลุ่มไม้แปรรูปแทน เตรียมเปิดตัวไม้ Heat Treatment ที่ผ่านความร้อนสูงทำให้หดตัวน้อย และใส่น้ำยาป้องกันปลวก สำหรับใช้ประกอบประตูหน้าต่าง
ราคาร่วงเหลือ 350 บาท/ตร.ม.
"ภาพรวม ตลาดวิเคราะห์ว่าหมดยุคทองของพื้นไม้ลามิเนต เพราะราคาทยอยปรับลดลงเรื่อย ๆ ทำให้มาร์จิ้นเหลือน้อยมาก จาก 7 ปีก่อนบริษัทเคยขายราคา (รวมค่าติดตั้ง) ตารางเมตรละ 1,000 บาท ตอนนี้เหลือตารางเมตรละ 350-380 บาท" นายคมวิทย์กล่าวย้ำ
ขณะที่ "กิตติ อภิชนบัญชา" เอ็มดีค่าย "เคเอ เพาเวอร์" ผู้นำเข้าพื้นไม้ลามิเนตเกรดพรีเมี่ยมจากประเทศเบลเยียมและมาเลเซีย ระบุว่า ปีนี้สินค้าพื้นไม้ลามิเนตคงไม่ได้เติบโตหวือวา เพราะเจ้าของบ้านยังลังเลที่จะซ่อมแซมพื้นบ้าน แต่เชื่อว่าลูกค้าจะไม่เปลี่ยนพฤติกรรมไปปูกระเบื้องแทนไม้ เพียงแต่จะรอดูน้ำท่วมในปีนี้ก่อนเท่านั้น
ในปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอด ขายเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% หรือมียอดขายประมาณ 100 ล้านบาท คิดเป็นปริมาณการขายกว่า 100,000 ตารางเมตร และมั่นใจว่าตลาดตลาดปีนี้ยังเติบโตแต่ไม่หวือหวา และเพื่อผลักดันยอดขายให้ได้ตามเป้า เตรียมจะนำสินค้าไม้ผสมพลาสติก (wood plastic) สำหรับงานปูพื้นภายนอกเข้ามาทำตลาดเพิ่มเติม เพื่อรับกำลังซื้อในโซนน้ำท่วม
|
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ 24-04-2555
|
|
|
|
|
|
|