|
|
|
s
i n c e
1 5
J u n 2 0 0 2 |
|
|
B U D D Y H O M E " คู่ หู คู่ บ้ า น
ส ว ย " |
|
ข่
า ว เ ศ ร ษ ฐ กิ จ / ว ง ก า ร ก่ อ ส ร้ า ง |
|
I
ข่าวทั้งหมด I |
|
01-11-2550
: |
เปิดมุมมอง "เบิร์ดอายวิว" สุทธิรักษ์ เสถียรภาพอยุทธ์ ปั้น "ธนาสิริ" โตด้วยคุณภาพ |
|
สัมภาษณ์
"ธนาสิริ บ้านและสวน" อาจเป็นเพียงบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดกลางในธุรกิจพัฒนาที่ดิน แต่ด้วยประสบการณ์ที่คลุกคลีอยู่ในวงการนี้มานานกว่า 20 ปี นับตั้งแต่รุ่นคุณพ่อ ทำให้ธนาสิริฯสามารถปักหลักขึ้นโครงการจัดสรรในย่านรัตนาธิเบศร์ เบียดกับผู้ประกอบการรายใหญ่ได้อย่างน่าสนใจ
ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะความตั้งใจจริง หลอมรวมเข้ากับความมุ่งมั่นของ "เสี่ยเบิร์ด" สุทธิรักษ์ เสถียรภาพอยุทธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนาสิริ บ้านและสวน จำกัด ในฐานะคนหนุ่มรุ่นใหม่ของวงการอสังหาฯที่ต้องการสร้างธนาสิริฯให้เป็นแบรนด์บ้านคุณภาพ ถึงวันนี้จึงมีโครงการบ้านที่อยู่ระหว่างการขายและเตรียมเปิดตัวในอนาคตอย่างต่อเนื่อง "ประชาชาติธุรกิจ" สัมภาษณ์แบบเปิดมุมมองผู้บริหารวัย 32 ปีรายนี้ ในฐานะยังก์เอ็กเซ็กคิวทีฟเจเนอเรชั่นของวงการ
- พอร์ตโครงการที่เปิดขายปัจจุบัน
ถึงตอนนี้เรามีโครงการเปิดขายอยู่ 3 โปรเจ็กต์ รวมมูลค่ากว่า 700 ล้านบาท แยกเป็นโครงการ "ไพร์มเพลส" รัตนาธิเบศร์-บางใหญ่ เป็นทาวน์เฮาส์ราคา 1 ล้านบาทเศษ จำนวน 222 ยูนิต ล่าสุดปิดการขายเฟสแรกแล้วจำนวนประมาณ 40 ยูนิต และกำลังเร่งงานก่อสร้างทาวน์เฮาส์จำนวนกว่า 100 ยูนิต เพราะตั้งใจพัฒนาแบบสร้างไปขายไปเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า
โครงการ "เดอะคลัสเตอร์วิลล์" ราชพฤกษ์ บนถนนท่าน้ำนนท์-วัดโบสถ์ พัฒนาเป็นบ้านแฝด จำนวน 46 ยูนิต บนเนื้อที่ 6 ไร่ ราคา 2.39-3 ล้านบาท และโครงการล่าสุด "เดอะไพรเวซี่ ไพร์มเพลส" รัตนาธิเบศร์-บางใหญ่ ในซอยวัดไผ่เหลือง เนื้อที่ 10 ไร่ ตัวโครงการอยู่ติดกับโครงการไพร์มเพลส ซึ่งตัดที่ดินส่วนหนึ่งมาพัฒนาเป็น "บ้านแฝด" และ "บ้านเดี่ยว" ราคา 2.29-2.79 ล้านบาท จำนวน 57 ยูนิต โดยเปิดขายเฟสแรกก่อนจำนวนประมาณ 20 ยูนิต
เท่ากับปัจจุบัน ธนาสิริฯมีบ้านทั้งหมด 3 แบรนด์ คือ 1)แบรนด์ธนาสิริ เป็นบ้านเดี่ยวราคา 4-11 ล้านบาท โครงการแรกที่เปิดตัว คือ ธนาสิริ รัตนาธิเบศร์ 2)เดอะคลัสเตอร์วิลล์ เป็นบ้านแฝด หรือบ้านเดี่ยว ราคา 2-4 ล้านบาท เน้นทำเลที่เป็นถนนรองแต่อยู่ในซอยไม่ลึกมากนัก และ 3)เดอะไพรเวซี่ไพร์มเพลส และไพร์มเพลส เป็นบ้านแฝดและทาวน์เฮาส์ ราคา 1.3-2.7 ล้านบาท ทำเลจะอยู่ถัดเข้ามาในซอย
- พัฒนาโปรดักต์อย่างไรบ้าง
เราให้ความสำคัญกับการสำรวจและวิจัยตลาดมาก เพราะจะพัฒนาโครงการจำเป็นจะต้องมีฐานข้อมูลที่เพียงพอต่อการตัดสินใจมารองรับด้วย กรณีของบริษัทจะเห็นว่าเราทำบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ โปรดักต์ตัวใหม่คือบ้านแฝด ซึ่งจะมี 2 ส่วน 1)เราต้องมีสินค้าหลากหลาย 2)เรามองว่าเทรนด์บ้านแฝดกำลังมา เพราะในภาวะเศรษฐกิจซบเซา บ้านแฝดเป็นเหมือน "จุดกึ่งกลาง" ระหว่างคนที่อยู่ทาวน์เฮาส์และอยากขยับขยายมาอยู่บ้านเดี่ยว แต่ด้วยความไม่มั่นใจในเศรษฐกิจและไม่อยากรับภาระผ่อนชำระต่อเดือนสูงมากนัก จึงหันมาเลือกบ้านแฝดแทน
- จุดขายของบ้านแฝด ?
ในแง่ "รูปลักษณ์" เราออกแบบเป็นสไตล์ "โมเดิร์นรีสอร์ต" คือทันสมัยผสมกับความเป็นบ้านพักตากอากาศที่เน้นความเป็นส่วนตัว เนื่องจากทั้งโครงการจุดขายคือการพัฒนาภายใต้คอนเซ็ปต์ "บ้านแฝดสไตล์บ้านเดี่ยว" เนื่องจากแบบบ้านไซซ์เล็กที่เป็นบ้านแฝด เนื้อที่ 35 ตารางวา จะไม่มีผนังหรือชายคาต่อเชื่อมกันเหมือนบ้านแฝดทั่วไป และสามารถเดินเล่นได้รอบตัวบ้าน
ดังนั้นจริงๆ เรียกว่า บ้านเดี่ยวแบบ "ย่อส่วน" ก็ได้ คือปรับลดเนื้อที่ 50 ตารางวา เหลือ 35 ตารางวา แต่ฟังก์ชันภายในแทบไม่ต่างกัน ลูกค้าที่แวะมาชมบ้านตัวอย่างทุกรายจะนึกว่าบ้านเดี่ยวหมด เพราะเราตั้งใจทำเพื่อลูกค้าที่อยากได้บ้านเดี่ยวแต่กำลังซื้อไม่ถึง
ในโครงการเดียวกันจะมีพื้นที่โซนบ้านเดี่ยวด้วย ซึ่งทั้งโครงการมีประมาณ 20 ยูนิตเท่านั้น เนื่อง จากลูกค้าได้เห็นตัวอย่างบ้านแฝดที่เหมือนบ้านเดี่ยวมาแล้ว เพราะฉะนั้นโซนบ้านเดี่ยวจึงจำเป็นต้องออกแบบพิเศษขึ้นไปอีก เพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้าให้ได้ เพราะฉะนั้นการออกแบบจึงต้องตอบ โจทย์ด้วยว่า โครงการ "ให้" อะไรที่มากกว่าบ้านแฝด นั่นคือเราออกแบบบ้านเดี่ยวให้มีหน้ากว้างถึง 9 เมตร เพิ่มจากปกติอีก 1 เมตร รวมถึงห้องนอนใหญ่ชั้นบน (มาสเตอร์เบดรูม) เราให้เนื้อที่ถึง 50%
ส่วน "วัสดุ" เราเน้นของคุณภาพแต่ขายในราคาสมเหตุสมผล ถือเป็นหลักการสำคัญหรือเป็นหัวใจในการพัฒนาโครงการของ "ธนาสิริ" ที่เรายึดมั่นไม่เปลี่ยนแปลง ยกตัวอย่างกรณี ทาวน์เฮาส์ (โครงการไพร์มเพลส) ตั้งราคาขาย 1.3 ล้านบาท อาจสูงกว่าคู่แข่งในละแวกเดียวกันเล็กน้อย แต่ถ้าเช็กลงลึกรายละเอียดสเป็กวัสดุที่ใช้ อาทิ อิฐมวลเบา โครงหลังคาซีแพค ฯลฯ ถือว่าไม่ได้ขายแพง และถ้าเป็นคนที่อยู่อาศัยในละแวกนี้มาก่อน เปรียบเทียบแล้วจะทราบทันทีว่า โครงการเรามีความต่างจากรายอื่นๆ อย่างไร
นอกจากนี้ถ้าเปรียบเทียบกับบ้านในราคาใกล้เคียงกับ โครงการของเรา น่าจะอยู่ใกล้รถไฟฟ้าสายสีม่วงมากที่สุดประมาณ 1.5 กิโลเมตรเท่านั้น จึงมั่นใจว่าภายในไตรมาส 2 ปี 2551 น่าจะปิดการขายและส่งมอบบ้านให้ลูกค้าได้ทั้งหมด
- ผลประกอบการปีนี้ ปีหน้า
ผมเรียนว่า ปีนี้ผ่านไปแล้ว 10 เดือน มีหลายๆ อย่างที่เข้ามากระทบไม่ว่าจะเป็นภาวะเศรษฐกิจทรงตัว เรื่องการเมือง ราคาน้ำมัน อะไรอีกเยอะแยะที่มีผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ทุกบริษัทที่อยู่ในธุรกิจพัฒนาที่ดิน ผมบอกได้เลยว่า ทุกคนเหนื่อยเหมือนกัน บริษัทธนาสิริฯก็อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน เดิมเราตั้งเป้าไว้ทั้งปี 600 ล้านบาท แต่ประมาณการว่าคงอยู่ในระดับ 400-500 ล้านบาท
ยังมีเวลาสปีดอีกสองเดือน แต่ผมก็ค่อนข้างพอใจกับผลงาน เพราะทีมงานของบริษัทเราทุ่มเทกันเต็มที่ อะไรที่ควรปรับก็กำลังทยอยปรับ อะไรที่ควรลด ควรเพิ่ม เราดูแลอยู่ตลอดเวลา ในแง่ยอดรับรู้รายได้น่าจะจบที่ 300 กว่าล้านบาท ตัวเลขนี้ผมถือว่าน่าพอใจมากแล้วครับ ส่วนปีหน้านักธุรกิจทุกคนมองบวกไปก่อนทั้งนั้น อยากให้เป็นอย่างนั้น แนวโน้มตลาดในปีหน้าคงไม่เลวร้ายไปกว่านี้
- แผนเปิดตัวโครงการใหม่ๆ
คงเป็นช่วงต้นปีหน้า ล่าสุดเราเพิ่งซื้อที่ดินติดถนนราชพฤกษ์ ใกล้ๆ กับโครงการของหมู่บ้านปริญสิริ รวบรวมได้แล้วกว่า 20 ไร่ และอยู่ระหว่างซื้อเพิ่มเติม เบื้องต้นวางแผนพัฒนาเป็นบ้านเดี่ยวใช้แบรนด์ "ธนาสิริ" ส่วนราคาขายขออุบไว้ก่อนเพราะทำเลย่านราชพฤกษ์การแข่งขันค่อนข้างรุนแรง โดยเฉพาะเซ็กเมนต์บ้านไฮเอนด์ แต่เชื่อว่ายังมีช่องว่างการตลาดเพียงแต่ต้องทำการบ้านให้ดี
ส่วนหนึ่งเนื่องจากเราเป็นผู้ประกอบการท้องถิ่นที่พัฒนาโครงการในละแวกรัตนาธิเบศร์มาก่อน คุ้นเคยในทำเลแถบนี้ จึงมองว่าใน "เรดโอเชี่ยน" (ตลาดที่แข่งขันรุนแรง) ยังมี "บลูโอเชี่ยน" (ตลาดที่คู่แข่งน้อย) โดยอาศัยจุดต่างในเรื่องดีไซน์บ้าน ฟังก์ชันใช้สอยที่ให้มากกว่าคู่แข่ง โดยรวมมั่นใจว่าจะเบียดกับผู้ประกอบการอื่นๆ ได้ ไม่งั้นคงไม่ซื้อที่ดินเข้ามาเพิ่ม
สำหรับธนาสิริฯเอง ผมไม่ได้ยึดติดว่าต้องอยู่ในทำเลรัตนาธิเบศร์เท่านั้น ขึ้นอยู่กับจังหวะมากกว่า โดยเฉพาะโครงข่ายสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่รัฐได้ลงทุนไปเยอะมาก จะเห็นว่าทำเลอื่นๆ เช่น วงแหวนอุตสาหกรรม (ย่านพระประแดง) เพชรเกษม อ่อนนุช ฯลฯ ถือว่าน่าสนใจ ขึ้นอยู่กับต้นทุนซื้อที่ดิน หรือแม้แต่ตลาดคอนโดฯ ก็น่าสนใจ เราไม่ได้ยึดติดทำโครงการแนวราบเพียงอย่างเดียว
เพราะการพัฒนาตึกสูงนั้นไม่ยาก เดี๋ยวนี้ บริษัทรับเหมาส่วนใหญ่มีเทคโนโลยีสร้างได้สบาย สิ่งสำคัญคือต้องมีทำเลที่ดี ไม่งั้นก็สู้คู่แข่งไม่ได้
|
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ 01-11-2550
|
|
|
|
|
|
|