|
|
|
s
i n c e
1 5
J u n 2 0 0 2 |
|
|
B U D D Y H O M E " คู่ หู คู่ บ้ า น
ส ว ย " |
|
ข่
า ว เ ศ ร ษ ฐ กิ จ / ว ง ก า ร ก่ อ ส ร้ า ง |
|
I
ข่าวทั้งหมด I |
|
29-10-2550
: |
ยุคทองทาวน์เฮาส์ Full Option ย่อไซซ์-พลิกดีไซน์แก้เกมตลาด |
|
2-3 ปีแล้วที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เผชิญกับวิบากกรรมหลากหลายด้านที่ถาโถมเข้าใส่ระลอกแล้วระลอกเล่า ทำให้เศรษฐกิจและกำลังซื้อชะลอตัวอย่างมาก ขณะเดียวกันยังไม่มีสัญญาณเชิงบวกให้เห็นเด่นชัด กลายเป็น "โจทย์" ใหญ่ที่ทำให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัวรองรับ ควบคู่ไปกับการงัดกลยุทธ์การตลาดหลากหลายรูปแบบมาใช้เสริมเพื่อดันยอดขายให้เข้าเป้า
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดทาวน์เฮาส์-ทาวน์โฮม ความเคลื่อนไหวที่เป็นรูปธรรมในการแก้เกมการตลาด "อืด" เห็นได้จากดีเวลอปเปอร์ระดับแนวหน้าทั้งบิ๊กและดาวรุ่งต่างลุกขึ้นมาปรับแผนลงทุนแบบยกกระบิ ชนิดที่เรียกได้ว่าเปลี่ยนใหม่หมดตั้งแต่หัวจดเท้า ทั้งรูปร่างหน้าตา ฟังก์ชัน และขนาดพื้นที่ใช้สอยตลอดจนราคาขายอย่าง พลัส พร็อพเพอร์ตี้, เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ฯ, เอสซี แอสเสท, อารียา พร็อพเพอร์ตี้, เอ็น.ซี. เฮ้าส์ซิ่ง, พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค, ควอลิตี้ เฮ้าส์, ปริญสิริ ฯลฯ รวมทั้งพี่ใหญ่แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ที่ช่วงหลังส่งทาวน์เฮาส์เดอะ เทอเรซ ลงแจมตลาด
ดูเผินๆ อาจเป็นไปตามการเปลี่ยนแปลงที่บังคับให้ดีเวลอปเปอร์ต้องปรับตัวเองให้สอดคล้องกับภาวการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ลึกๆ แล้วก็มีนัยให้ตีความได้หลายมิติ ทั้งในแง่การแข่งขันของตลาดที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ สวนทางกับกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลงจากภาระค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้นจนน่าใจหาย
"แนวโน้มตลาดที่อยู่อาศัยจากนี้ไปจะได้เห็นบิ๊กแบรนด์ลงมาเล่นตลาดด้านกลุ่มราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงสุดในตลาดปัจจุบัน" ปิยะบุตร เลิศดำริห์การ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด บอกกับ "ประชาชาติธุรกิจ"
ดังนั้น ตั้งแต่ช่วงกลางปีเป็นต้นมาพลัสฯจึงได้ รีแบรนด์ตัวเอง และลอนช์โปรดักต์ใหม่ออกมาภายใต้แบรนด์ "ทาวน์พลัส" หรือ "Town+" ซึ่งเป็นทาวน์เฮาส์ในเซ็กเมนต์ที่มีราคาขาย 2 ล้านบาทต้นๆ ต่ำกว่าราคาขายแบรนด์ "พลัส ซิตี้ พาร์ค" ที่จะปิดฉากไปโดยปริยาย แล้วชู "ทาวน์พลัส" แทนที่ เพียงแต่เจาะตลาดในระดับต่ำลงมากว่าเดิมด้วย เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ตลาดเวลานี้
ภายใต้แบรนด์ใหม่พลัสฯประเดิมด้วยการเปิดตัวทาวน์เฮาส์แบรนด์ "Town+" 3 ทำเล 3 โครงการรวด มูลค่ารวม 1,400 ล้านบาท ในทำเลพระราม 9 จำนวน 163 ยูนิต, ลาดพร้าว 101 จำนวน 114 ยูนิต และทาวน์ พลัส สุวรรณภูมิ จำนวน 189 ยูนิต
จุดขายของแบรนด์ใหม่นอกจากจะเป็นที่อยู่อาศัยที่เจาะไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่แล้ว พลัสฯยังใช้กลยุทธ์ที่อยู่อาศัยที่มีขนาด "คอมแพ็กต์" โดยลดสัดส่วนขนาดพื้นที่ใช้สอยขนาดเล็กลงกว่าเดิม เพื่อให้ผู้ค้าคนรุ่นใหม่สามารถซื้อเป็นเจ้าของ ได้ง่ายขึ้น
ขณะที่รูปแบบการพัฒนาโครงการของ ดีเวลอปเปอร์ระดับบิ๊กแบรนด์ หลายๆ ค่ายต่างก็หันมาเล่นเกมปรับขนาดและลดไซซ์ทาวน์เฮาส์เป็นการจูนให้ตรงกับกำลังซื้อเช่นเดียวกัน
อาทิ ค่ายปริญสิริส่งทาวน์เฮ้าส์ใหม่หมาดๆ แบรนด์ปริญลักษณ์ ไลท์ ออกมากวาดยอดขายและเสริมไลน์โปรดักต์ให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทุกกำลังซื้อให้มากขึ้น โดยใช้หมัดเด็ดเป็นที่อยู่อาศัยที่ตกแต่งพร้อมอยู่ (fully furnished) ซึ่งกำลังเป็นเทรนด์ตลาดที่ผู้ประกอบการหลายๆ ค่ายไม่อาจ มองข้ามได้
เช่นเดียวกับอารียา พร็อพเพอร์ตี้ จากเดิมที่ทำตลาดบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ระดับราคาขายมากกว่า 4 ล้านบาทขึ้นไป ที่ตัดสินใจปั้นทาวน์เฮ้าส์ แบรนด์ใหม่ "เดอะคัลเลอร์ส" ออกมาแย่งส่วนแบ่งตลาด โดยชูจุดขายทาวน์เฮ้าส์ตกแต่งพร้อมอยู่ ปักธงชิมลางในทำเลถนนติวานนท์ บนเนื้อที่ 35 ไร่ ใกล้กับด่านขึ้น-ลงทางด่วนศรีสมานเป็นโปรเจ็กต์แรก
ส่วนยักษ์พัฒนาที่ดินอีกอย่างพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ที่เปิดตัวทาวน์เฮ้าส์แบรนด์เดอะ วิลล่าเมื่อปลายปี 2549 จับโดยเน้นกำลังซื้อระดับ 1-3 ล้านบาท ในทำเลย่านรัตนาธิเบศร์ เคาะราคาขายเริ่มต้นที่ 1.55 ล้านบาท ปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างมาก และถือเป็นการหวนคืนกลับมาพัฒนาทาวน์เฮ้าส์อีกครั้งหลังหยุดพัฒนามานานกว่า 10 ปี
สำหรับทาวน์เฮ้าส์แบรนด์ เดอะ วิลล่า เป็นโปรดักต์ใหม่ที่เพอร์เฟคฯนำเข้ามาเสริมไลน์สินค้าในกลุ่มระดับราคา 1-2 ล้านบาท จากเดิมสินค้าระดับนี้มีเพียงคอนโดมิเนียมแบรนด์ "เมโทร พาร์ค" เท่านั้น
ด้านเจ้าตลาดทาวน์เฮ้าส์ในเมือง เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ เป็นอีกรายที่ปรับขนาดทาวน์เฮ้าส์แบรนด์บ้านกลางเมืองจากปกติที่เปิดขายระดับราคาเริ่มต้นที่ 4.4-4.5 ล้านบาทขึ้นไปด้วยการปรับเปลี่ยนรูปแบบฟังก์ชันพื้นที่ใช้สอย แล้วกดราคาขายมาอยู่ที่ 2 ล้านกว่าบาทเท่านั้น
ส่วนควอลิตี้ เฮ้าส์ ที่ก่อนหน้านี้แตกไลน์โปรดักต์ใหม่เป็นทาวน์เฮ้าส์แบรนด์ "คาซ่า ซิตี้" ราคาขายเริ่มต้นประมาณ 3 ล้านบาท ถือเป็นโปรดักต์ที่สามารถสร้างรายได้ให้กับควอลิตี้ เฮ้าส์ เสริมรายได้จากการขายบ้านระดับบนในช่วงที่ตลาดระดับไฮเอนด์ที่บูมเมื่อหลายปีก่อนชะลอตัวลงได้เป็นอย่างดี
"แบรนด์คาซ่าฯค่อนข้างได้รับการตอบรับที่ดีมาก ยอดขายยังเข้ามาต่อเนื่อง ปีนี้คาดว่าจะเจเนอเรตรายได้เป็น 45% ของรายได้รวม ส่วนในปี 2551 จะเพิ่มสัดส่วนขึ้นเป็น 50%" สุวรรณา พุทธประสาท กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ ค่ายควอลิตี้เฮ้าส์ บอกกับ "ประชาชาติธุรกิจ"
หลังการเลือกตั้งใหญ่ช่วงปลายปีนี้ หากเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศยังไม่ฟื้นตัวตามที่คาด คนซื้อบ้านอาจได้เห็นการปรับตัวภายใต้ "โจทย์" ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอีก
|
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ 29-10-2550
|
|
|
|
|
|
|