|
|
|
s
i n c e
1 5
J u n 2 0 0 2 |
|
|
B U D D Y H O M E " คู่ หู คู่ บ้ า น
ส ว ย " |
|
ข่
า ว เ ศ ร ษ ฐ กิ จ / ว ง ก า ร ก่ อ ส ร้ า ง |
|
I
ข่าวทั้งหมด I |
|
22-10-2550
: |
สยามสแควร์ ซีรีส์ Pedestrian Walking Street Mall "ถนนคนเดิน" กลางวงล้อมห้างติดแอร์ |
|
รายงาน
โดย เมตตา ทับทิม
จากบล็อก T ที่ชนะประมูลด้วยคอนเซ็ปต์ดีไซน์ "Centerpoint & Gateway Siam Square" กับบล็อก L ที่จะเป็น "ทาวเวอร์บล็อก L" 2 โปรเจ็กต์การพัฒนาเพื่ออนาคตของสยามสแควร์ วันนี้จะมาต่อจิ๊กซอว์แผนปรับปรุงสยามสแควร์ในภาพรวม
"อ.บุญสม เลิศหิรัญวงศ์" รองอธิการบดีจุฬา ลงกรณ์มหาวิทยาลัย "มอง" สยามสแควร์ภายใต้คอนเซ็ปต์ pedestrian priority ภายใต้หลักการที่บอกว่า "ให้คนเดินเท้าสำคัญกว่ารถ" นำไปสู่ การออกแบบบรรยากาศใหม่ๆ ให้กับศูนย์การค้าแบบเปิดเพียงหนึ่งเดียวย่านใจกลางเมืองแห่งนี้
ใช่เลย ! เรากำลังพูดถึง pedestrian walking street mall เต็มรูปแบบบนพื้นที่ 63 ไร่ในสยามสแควร์
โครงการนำร่อง ซอย 2-3-4
"ในอนาคต เมื่อทาวเวอร์บล็อก L ก่อสร้างแล้วเสร็จจะมีที่จอดรถ 800 คัน สเต็ปต่อไปคือสยามสแควร์จะเริ่มปิดถนนบางสายทำเป็นถนน คนเดิน"
แท้ที่จริงแล้ว โครงการ pedestrian walking street mall ได้นำร่องไปแล้วโดยเริ่มต้นจากการขยายทางเท้าซอย 3 ซอย 4 รวมทั้งปรับปรุงลานซอย 2 ขนาด 1,700 ตารางเมตร ผลสำเร็จโครงการนำร่องคือช่วงดึกๆ ประมาณ 4 ทุ่มจะคับคั่งไปด้วยฝูงชน
"นั่นคือจุดเริ่มต้น ในอนาคตถ้าโครงการ เซ็นเตอร์พอยต์หรือดิจิทัลซิตี้แล้วเสร็จ ซอย 3 อาจจะปิดให้เดินถนนหมด รถผ่านได้แต่บางเวลา ถนนกว้างหกเมตร มีสตรีตเฟอร์นิเจอร์ที่สวยงาม มีแลนด์มาร์กให้คนมายืนถ่ายรูปกัน ลักษณะนี้จะเกิดไปเรื่อยๆ ในสยามสแควร์"
เซ็นเตอร์พอยต์หรือดิจิทัลซิตี้ในอนาคต ก็คือการลงทุนพัฒนาโครงการบนแปลงที่ดินบล็อก T ซึ่งขนาบข้างด้วยซอย 3 และซอย 4 นั่นเอง
สภาพการสัญจรภายในพื้นที่สยามสแควร์ตั้งแต่ซอย 1 ถึงซอย 7 จะมีทั้งประเภท "คนเดิน" กับ "รถเดิน" สำหรับประเภทคนเดิน ยังต้องเผชิญกับการเดินจากซอยถึงซอยที่ต้องหลบหลีกให้กับรถจอดริมข้างทาง ทำให้ไม่สามารถเดินได้อย่างสะดวกสบาย
ยกเว้นซอย 3 กับซอย 4 ที่ห้ามรถจอดเด็ดขาดแล้ว เป็นลักษณะ pedestrian priority มี "จมูก" เป็นเกาะยื่นออกมา
ปัจจุบันกำลังขยายไปซอย 1-ซอย 2-5-6 ที่อยู่ ระหว่างปรับปรุงพื้นที่ กำหนดแล้วเสร็จภายใน ไตรมาสที่สี่หรือภายในช่วงปลายปีนี้ นั่นคือคนจะเดินจากซอย 1 ถึงซอย 6 ได้โดยไม่ต้องหลบรถ-รถจอดอีกต่อไป เพราะจะมีจมูกเป็นเกาะยื่นออกมา
และมีการปรับปรุงซอย 7 ทั้งซอย เรียกว่า ต้องปรับฮาร์ดสเคปใหม่หมด โดยที่รถยังวิ่งได้บางเวลา แต่ช่วงหลังสองทุ่มจะปิดให้เป็นถนนคนเดิน มีคีออสก์ ข้าวโพดคั่วมาขาย ตลอดจนน้ำดื่ม น้ำปั่น ประชาชนที่เหนื่อยจากการกรำงานหนักมาทั้งวันสามารถนั่งพักผ่อน ซื้อของขบเคี้ยว เคล้าบรรยากาศนั่งดูไฟสวยๆ
ทั้งนี้ทั้งนั้น สำหรับซอย 7 เตรียมเปิดประมูลหาผู้รับเหมาเพื่อเนรมิตให้เป็นวอล์กกิ้งสตรีตมอลล์ให้ได้ "...ต่อไปจะห้าม (รถยนต์) หมดเมื่อทุกอย่างพร้อม"
ลานอเนกประสงค์ซอย 2 "คืนกำไรให้สังคม"
ลานอเนกประสงค์สยามสแควร์ซอย 2 ขนาดพื้นที่ 1,700 ตารางเมตร ในท้ายที่สุดการใช้สอยประโยชน์ถูกออกแบบให้เป็นสถานที่รองรับการ "จัดกิจกรรมเพื่อสังคม" โดยสำนักงานจัดการทรัพย์สินจุฬาฯ ประชุมไปแล้วหลายรอบเพื่อหา ข้อยุติในการวางรูปแบบทุกวันศุกร์เย็น พัฒนาให้เป็นแหล่งรวมของวัยรุ่นใช้สอยเป็นสถานที่แสดงออกทางด้านกีฬา บันเทิง ศิลปวัฒนธรรมร่วมกัน
อย่างน้อยที่สุด มีการเจรจากับทางสำนักงานสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และมีแนวทางให้ความสนใจจัดโครงการให้เยาวชนมาจัดกิจกรรมที่สยามสแควร์ให้มากขึ้น
ปัจจุบันลานอเนกประสงค์แห่งนี้ถูกใช้เป็นที่จอดรถระยะสั้น ถ้ามีคิวจัดกิจกรรมก็จะมีการ ปิดลาน 6 โมงเย็น คอนเซ็ปต์คือ จะเปิดให้วัยรุ่นหรือกลุ่มชมรมต่างๆ ที่ต้องการแสดงความสามารถได้มาลงทะเบียนเป็นเรื่องเป็นราวไว้กับสำนักงานเพื่อเปิดโอกาสให้ใช้ลานขนาด 1,700 ตารางเมตรแห่งนี้ เป็นจุดนัดพบอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
กลุ่มเป้าหมายคือ เป็นเวทีเปิดให้กับวัยรุ่น โดยเฉพาะ "บีบอย" ที่มีความสามารถสูง ทั้งการโชว์ ออกกำลังกาย เล่นดนตรีสามชิ้น มีการแลกของระหว่างกันเพื่อร่วมกันเรียนรู้ว่านี่คือรูปแบบเศรษฐกิจพอเพียงที่วัยรุ่นทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้ด้วยตนเอง
อนึ่ง ในเชิงธุรกิจ การมาเช่าลานนี้จัดกิจกรรมจะมีการเก็บค่าใช้จ่ายวันละเกือบ 1.5 แสนบาท ต่อวัน "...แต่ถ้าเป็นกิจกรรมเพื่อสังคม เราไม่เก็บ เพื่อให้รู้ว่าจุดนี้จะทำให้สังคมทราบว่ามหาวิทยาลัยตอบแทนเพื่อสังคม"
โดยงบประมาณเฉพาะการปรับปรุงทางเท้าอยู่ที่ตัวเลข 20 ล้านบาท เป็นมูลค่าการลงทุนที่จุฬาฯเต็มใจ เพราะถือเป็นการ pay back ให้กับสยามสแควร์โดยตรง พร้อมกับคำมั่นว่าในอนาคตไม่เกิน 5 ปี คนเดินในสยามสแควร์จะต้องได้รับสิทธิมากกว่ารถยนต์
project development ในสยามสแควร์ยังมีจิ๊กซอว์อีกภาพที่ต้องเติมเต็มให้ครบ นั่นคือ การ "ลบจุดอ่อน" ฝั่งถนนอังรีดูนังต์ ที่ทีมงานจัดทำ "อาร์ตสเคป" ไว้ในมือเรียบร้อยแล้ว
|
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ 22-10-2550
|
|
|
|
|
|
|